วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Tips ในการหางานที่ Australia

น้องๆหลายคนที่เตรียมตัวจะมาเรียนต่อที่ Australia มักจะมีคำถามยอดฮิตติดมาด้วยเสมอ เช่น หนูจะหาที่พักที่ไหนค่ะที่ราคาถูก หรือผมอยากหางานทำด้วยไม่ทราบว่างานหายากมั้ย ? นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆหัวข้อที่หน้าสนใจสำหรับนักศึกษาที่คิดจะไปเรียนต่อที่นี่ พี่มีข้อมูลดีๆมาฝาก แหล่งที่มาของข้อมูลบางส่วนนี้ได้มาจากการอ่านกระทู้พันทิป คนที่เข้ามาตอบนั้น คือเพื่อนๆ พี่ๆที่เค้ามีประสบการณ์อยู่ที่โน้นแล้ว และประสบการณ์ส่วนตัว ที่ได้ประสบพบเห็น พี่เลยรวบรวมข้อมูลและคำแนะนำไว้ที่นี่เพื่อประโยชน์ ของน้องๆรุ่นต่อๆไป

จริงๆเมื่อตอนมาที่นั่นไม่มีเพื่อนคนไทยมาด้วยก็มารู้จักกันที่โรงเรียนแล้วก็เพื่อนแนะนำเพื่อนให้รู้จักก็ได้รู้จักคนมากหน้าหลายตาขึ้น จริงๆคนไทยนั้นก็ยังมีน้ำใจให้กันเสมอเพียงแต่ว่าคนไทยที่อยู่ที่นี้นานแล้วก็ย่อมจะต้องเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก ก็ต้องเข้าใจเพราะทุกอย่างแพงและเป็นเงินเป็นทองไปซะทุกอย่าง
เรื่องของที่พักสำหรับผู้ที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยขอแนะนำให้พักอยู่กับ Homestay ชั่วคราว อาจจะ 2-3 เดือนแล้วแต่ข้อตกลง ระหว่างนั้นค่อยหาที่พักข้างนอกและเพื่อปรับความคุ้นเคยเรื่องสภาพแวดล้อม ถ้าเรียนมหาลัยขอแนะนำให้หาที่พักใกล้ที่เรียนจะประหยัดค่าใช้จ่าย ดูได้จากบอร์ดภายในมหาลัยนั้นๆ
ถ้าเรียนภาษาหรือวิทยาลัย(ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง)ให้หาข้อมูลได้ตามหนังสือพิมพ์ เช่น daily Telegraph, etc หรือที่ร้านขายของของคนไทยที่มีอยู่หลายร้าน ในไชน่าทาวด์ มักมีประกาศติดไว้ หรือตามบอร์ดประกาศที่พักบางแห่งที่ดีหน่อยเราต้องจ่ายค่า bond (ประกันความเสียหาย) เมื่อเราออกถึงจะได้คืน ราคาที่พักตามแต่สถานที่ ในเมืองราคาจะสูงถ้าหาเพื่อนแชร์ห้องได้จะลดค่าใช้จ่ายลง ถ้าอยู่นอกเมืองค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า ทุกครั้งที่ติดต่อขอดูห้องพักอย่าไปคนเดียวให้ชวนเพื่อนๆไปดูด้วยเพราะบางทีหลายหัวดีกว่าหัวเดียว ค่าใช้จ่ายก็จะเป็นค่าห้อง ประมาณ 100-130 เหรียญ ต่ออาทิตย์ ค่ากิน ค่าเดินทางไปเรียน ส่วนใหญ่ที่เรียนจะอยู่ในเมือง เดินไปได้ ถ้าขี้เกียจก็ขึ้นรถเมล์

เมื่อตอนที่เรามาถึงออสฯ นั้น วีซ่าเรายังเป็นวีซ่านักเรียนที่ไม่สามารถทำงานได้ เราต้องมายื่นขอวีซ่าแบบมีใบอนุญาติทำงานเสียค่าธรรมเนียม AUD65 ก็ถือว่าไม่สูงมากนักสามารถทำได้ผ่านเวปไซด์แต่ว่าต้องมีบัตรเครดิต ซึ่งอันนี้เราก็สามารถอาศัยเอเจนซี่ที่เรามาด้วยนั้นแหละทำให้หรือไม่ก็แอ๊ดมินที่โรงเรียน ถ้าโรงเรียนนั้นมีแอ๊ดมินคนไทยนะคะ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้มากะอเจนซี่ที่มีตัวแทนที่ออสฯนะคะจะสะดวกมากกว่า
เรื่องงานฯมีให้ทำมากมายส่วนใหญ่จะเป็นงานใช้แรงงาน งานบริษัทฯถ้าไม่เก่งจริงหาได้ยาก เพราะคนออสซี่ต้องเก็บงานให้พลเมืองของเขาก่อน แต่คนไทยที่นั่นเยอะมาก การแข่งขันสูง เดี๋ยวนี้คนไทยเยอะมากๆ แต่ถ้าไม่เลือกงานก็มีให้ทำเยอะแยะ ค่าแรงได้วันละประมาณ 50 เหรียญ หมายถึง กะเดียวนะ บางคนทำงาน ช่วงเช้ากะนึง เย็นอีกที ก็ได้ 100 $

งานที่ทำก็มี
1.ร้านอาหารไทย เป็นเด็กเสริฟ เด็กทำงานในครัว(kitchen hand) ส่งโฮม เดริเวอร์รี่ อาจจะมีเดิน (ดรอป)แจกเมนูตามบ้าน
2.งานคลีนเนอร์ ทำความสะอาด อันนี้ได้เงินเป็นชั่วโมง ทำงานคนเดียว ไม่ต้องยุ่งกับใคร ทำพวกดูดฝุ่น ออฟฟิส ทำความสะอาดห้องน้ำ ทิ้งขยะ วันๆ นึงก็ทำประมาณ 3 ชั้น
3. ร้านกาแฟ เสริฟ เหมือนกัน แต่อาจจะต้องชงกาแฟเป็นบ้างนะ
4. ฯลฯ นึกไม่ออก เพราะไม่เป็นที่นิยม ปล. งาน 1กับ2 เป็นงานยอดนิยมของเด็กไทยเลยนะ นอกจากงานคลีน และร้านไทยแล้ว นักเรียนไทยยังสามารถทำได้คือ

1. แคชเชียร์ในซูปเปอร์มาร์เก็ต 2. แคชเชียร์ตามร้านซักรีด 3. operator ร้านหมอ 4. sanwich hand 5. เป็นบาร์เทนดี้ อันนี้ต้องไปเรียน 1 วันเพื่อเอา licence 6. งานเลี้ยงเด็ก 7. ขายอาหารในฟู๊ดคอท 8. ขายอาหารทะเลใน fish market 9. เป็นพนักงานในร้านวีดีโอ 10. เป็นพนักงาน admin ที่โรงเรียนสอนภาษา
ค่าใช้จ่ายนั้นเดือนหนึ่งประมาณ 800-1000 เหรียญ พออยู่ได้สบายเลยคะ

ส่วนเรื่องภาษีนั้นเราสามารถขอคืนได้ค่ะ ตอนนี้กำลังศึกษาขั้นตอนอยู่เค้าจะมีปีภาษีเหมือนบ้านเรา แต่อย่างเราเป็นนักเรียนบางทีอาจจะต้องกลับก่อนปีภาษีก็ต้องไปยื่นเรื่องขอเค้าค่ะ ว่าเราจะกลับประเทศนะขอ early refund ซึ่งเค้าบอกว่าทำได้ ก็หวังว่าจะได้เงินเที่ยวละคะก่อนกลับบ้านเรา นอกจากนี้เค้ายังมีเงินให้ตอนเกษียณอายุซึ่งอันนี้บริษัทที่เราทำงานจ่ายให้ ก็ขอคืนได้เพราะเราจะกลับประเทศเราแล้วแต่หักโน้นนี้เหลือไม่เท่าไหร่เลยค่ะ นี่ก็ว่าจะไปสอบถามเพิ่มเติมเหมือนกัน ต้องเอาคืนให้หมด

มีข้อเสนอข้อคิดเพิ่มเติมนะคะ เพื่อนคนไทยไม่มีประสบการณ์ด้านงานเสริฟแต่ได้งานเสริฟบนเรือนะคะเจ๋งมากๆ เงินดีกว่างานคลีนอีกซึ่งอันนี้เราต้องอาศัยลูกขยันในการหางานตามหนังสือพิมพ์และเวปไซด์หางานต่างๆ สมัครมันเข้าไปค่ะอย่าท้อ เพื่อนสมัครเป็นร้อยนะคะกว่าจะได้หนึ่งงาน สรุปงานนั้นมันมากะจังหวะและโอกาสด้วยค่ะ ลุยค่ะ สมัครไปเรื่อยๆ แล้วก็พยายามบอกเค้าฉันสู้ตายนะถ้าคุณจ้างฉัน คือโฆษณาเข้าไปคะมีดีอะไร (ข้อเสียอย่าไปบอกเค้ามาก) ส่วนใครที่สนใจงานคลีนลองเซิร์ชหาบริษัทคลีนในแต่ละเมืองนะคะ แล้วก็ไปที่เวปไซด์เค้าเค้ามีให้ apply ค่ะ เราก็สมัครไปเลยเดี๋ยวเค้าต้องการคน จังหวะดีเราก็ฟลุคล่ะ อ้อพวกห้างสรรพสินค้าด้วยค่ะ เราสามารถสมัครเป็นแคชเชียร์หรือคนแพ็คของได้รายได้ดีเหมือนกัน ซึ่งเราก็สามารถหาเวปไซด์ของเค้าแล้วก็สมัครได้เลย แต่ว่าเป็นนักเรียนมันลำบากตรงเวลาและก็ข้อจำกัดของวีซ่าก็เลยหายากนิดหนึ่ง

แอ๋ว SYD

เรื่องเล่าที่อังกฤษ ตอนที่ 2 อยู่เพื่อมีงาน และมีงานเพื่ออยู่

การหางานทำในประเทศอังกฤษนี้นั้น จะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจังหวะของแต่ละคนมากกว่า ผมโชคดีที่มาอยู่ที่ลอนดอนได้เพียงแค่ 3 วัน ก็ได้งานทำในร้านอาหารไทยแล้ว แต่ก็เดินสมัครงานอยู่ 3-4 ร้าน บางคนโชคไม่ดีนักต้องใช้เวลา 2-3 เดือน กว่าจะได้งานก็มี หรือบางคนเดินเข้าไปสมัครงานในร้านอาหารไทยนับเป็นสิบ ๆ ร้าน ยังไม่ได้งานเลยก็มีเยอะนะครับ อันนี้ต้องเตรียมใจกันนิดนึงครับ เพราะบอกไม่ได้ว่าท่านจะได้งานเมื่อไหร่ สำหรับท่านที่มีคนรู้จักหรือมีเพื่อนฝูงอยู่ที่นี่ก็ยิ่งง่ายขึ้นครับสำหรับการหางานทำ เพราะท่านอาจจะรู้ข่าวจากวงในว่ามีร้านอาหารไหนบ้างที่กำลังต้องการคนทำงาน ณ เวลานั้น หรือไม่ก็คนที่ท่านรู้จักอาจจะสามารถฝากงานให้กับท่านได้ หรือเรียกว่าเด็กเส้นงั้นเถอะ ท่านก็โชคดีไป แต่สำหรับท่านที่ไม่มีเส้นก็ต้องพยายามต่อไปจนกว่าจะได้งานครับ เอกสารที่ใช้สมัครงานสำหรับร้านอาหารไทยก็ทั่ว ๆ ไป ครับ มีรูปถ่าย สำเนาวีซ่า สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง และประวัติของท่านโดยพอสังเขป (พอประมาณอย่างย่อครับ) รวมทั้งประวัติการเรียน และการทำงานถ้ามีครับ เมื่อท่านเข้าไปยื่นใบสมัครงานบางร้านจะเรียกสัมภาษณ์ท่านเลยก็มี แต่บางร้านอาจโทรติดต่อท่านให้มาสัมภาษณ์ในวันต่อ ๆ ไป ช่วงเวลานี้แหละครับ เป็นช่วงเวลาแห่งความหวังว่าจะมีร้านไหนบ้างจะเรียกท่านไปทำงาน คิดมันอยู่แทบทุกวันครับ ขณะเดียวกันเงินปอนด์ในกระเป๋าของท่านก็ลดน้อยลง..น้อยลงทุกวัน ไหนจะค่ากิน ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายทั้งนั้น แล้วท่านจะเริ่มเครียดมากขึ้น ๆ ตราบใดที่ท่านยังไม่ได้งานทำ ยกเว้นท่านใดที่มีฐานะทางบ้านพอจะมีกินอยู่บ้าง ก็อาจจะเครียดน้อยหน่อยหรือไม่ก็ไม่เครียดเลย และถ้ายังไม่มีร้านใดเรียกท่านไปทำงาน ท่านก็ต้องลองไปสมัครงานที่ร้านอื่น ๆ ดู จนกว่าท่านจะโชคดีได้งานครับ ซึ่งผมก็หวังว่าท่านที่ได้อ่านบทความนี้จะโชดดีกันทุกคนครับ

งานในเมืองผู้ดีแห่งนี้มีทั้งงาน Full time และงาน Part time ให้ท่านได้เลือกทำ ซึ่งโดยตามกฎหมายของที่นี่แล้ว ผู้ที่มาด้วยวีซ่านักเรียน จะสามารถทำงาน Part time ได้ สัปดาห์ละไม่เกิน 20 ชั่วโมงเท่านั้นครับ โดยมีค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 5.05 ปอนด์/ชั่วโมง ก่อนหักภาษี นั่นคือตามกฎหมายนะครับ แต่ความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นงานในร้านอาหารไทย จะจ่ายค่าจ้างเราเป็นกะครับ ซึ่งที่นี่จะเรียกว่า Shift ครับ โดย 1 วันจะมี 2 Shift หรือ 2 กะนั่นเอง คือ shift ตอนเช้า และ shift ตอนเย็น ค่าจ้างสำหรับงาน part time ในร้านอาหารไทยแต่ละแห่งก็แตกต่างกันครับ งาน shift ตอนเช้า โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. โดยมีค่าจ้างอยู่ที่ 15-20 ปอนด์ ขึ้นอยู่กับร้านแต่ละร้านครับว่าจะจ่ายเท่าไหร่ บางร้านจะมี Tip และ Service Chart ให้เพิ่มอีกด้วย สำหรับงาน shift ตอนเย็น จะเริ่มตั้งแต่เวลา 15.00-23.00 น. บางร้านก็เลิกเที่ยงคืนก็มีครับ โดยมีค่าจ้างกะตอนเย็นประมาณ 20-25 ปอนด์ และบางร้านก็จะมี Tip และ Service Chart ให้เช่นกัน โดยมากแล้วร้านจะให้ทำงาน part time ได้แค่ 3 วัน โดยเน้นวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เป็นหลัก เพราะเป็นวันที่ลูกค้าของร้านจะเยอะครับ สำหรับท่านที่อยากได้รายได้เพิ่มขึ้นก็ต้องหางาน part time ที่ร้านอื่นมาเสริมครับ

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นครับว่า ท่านที่มาด้วยวีซ่านักเรียนจะสามารถทำงานในประเทศนี้ได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 20 ร้านอาหารไทยที่เป็นที่รู้จักกันในลอนดอนก็มีร้าน Blue elephant ร้าน Thai square ซึ่งก็มีอยู่หลายสาขา ร้านสราญรมย์ ร้านภัตทรา ร้าน Thai silk ร้าน Fat boy และอีกเยอะแยะมากมายหลายร้อยร้านที่จะให้ท่านเดินเข้าไปสมัครงาน แต่ก็อย่างที่บอกนะครับ ขึ้นอยู่กับจังหวะบวกด้วยดวงของแต่ละคนครับว่าจะได้งานหรือไม่ ผมก็หวังว่าทุกคนที่กำลังหางานทำ หรือวางแผนที่จะเดินทางมาหางานทำในเมืองผู้ดีแห่งนี้โชคดีกันทุกคนครับ คงต้องลาไปก่อนนะครับสำหรับเรื่องเล่าจากอังกฤษ อ้อ….อีกอย่างนะครับที่อยากขอเตือนทุกท่านไว้ ว่าอยู่ที่อังกฤษอย่าไว้วางใจใครง่าย ๆ นะครับ แม้แต่คนไทยด้วยกันเอง และไว้ตอนต่อ ๆ ไป ผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่าคนไทยที่นี่ทั้งเจ็บและแสบยังไง Good night ครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียนอีกแล้ว นอนดีกว่า

โดย Teety

เรื่องเล่าที่อังกฤษ ตอนที่ 1

อังกฤษเป็นอีกประเทศหนึ่งที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝันที่จะมาเยือนซักครั้ง ไม่ว่าจะมาเพื่อเหตุผลของการท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือทำงาน ทุกคนล้วนแต่อยากให้การยื่นขอวีซ่าต่อสถานทูตอังกฤษผ่านไปด้วยดี และไม่มีปัญหาของการปฏิเสธวีซ่าจากทางสถานทูตอังกฤษทั้งนั้น

ในแต่ละคนคาดหวังสิ่งที่จะได้จากเมืองผู้ดีแห่งนี้แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ผมเชื่อได้เลยว่า สิ่งที่คาดหวังเหล่านั้นทุกคนล้วนวาดภาพออกมากันอย่างสวยงามและเลิศหรู ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีแห่งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด และถือเป็นความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับคนที่เตรียมตัวไม่พร้อมที่จะรับมือ แต่มันก็ไม่ยากจนเกินไปสำหรับผู้ที่รู้เท่าทันกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีนี้

การยื่นขอวีซ่าเป็นกำแพงด่านแรกที่ทุกคนต้องผ่านมันมาให้ได้เพื่อที่จะมาเยือนประเทศอังกฤษ เอกสารต่าง ๆ สำหรับยื่นขอวีซ่าทุกคนต้องจัดเตรียมให้พร้อม เพื่อที่จะมา support ตัวท่านเอง เอาเป็นว่าเอกสารยิ่งเยอะยิ่งดีครับ เอกสารเหล่านั้นจะเป็นตัวช่วยให้ทางสถานทูตพิจารณาผ่านวีซ่าให้แก่ท่านได้ง่ายขึ้น และเป็นการการันตีว่าท่านจะไม่หลบหนีหรือโดดวีซ่าอย่างแน่นอนในอนาคต และขอย้ำเน้นนะครับว่าเอกสารทุกอย่างต้องเป็นของจริงไม่มีการปลอมหรือดัดแปลงใด ๆ มาทั้งสิ้น เพราะถ้าทางสถานทูตตรวจสอบพบว่าท่านใช้เอกสารปลอมหรือดัดแปลงมายื่นขอวีซ่า ท่านอย่าหวังเลยครับว่าชาตินี้จะได้เข้าประเทศอังกฤษอีก เพราะท่านจะถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบุคคลต้องห้ามของทางสถานทูต และดีไม่ดีคนที่ใช้นามสกุลเดียวกับท่านนั่นและครับ จะพลอยซวยถูกขึ้นบัญชีดำกับเค้าไปด้วย เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเป็นของจริงเท่านั้นครับ แม้แต่ในวันสัมภาษณ์เพื่อขอรับวีซ่า ผมขอแนะนำให้ท่านตอบคำถามของเจ้าหน้าที่สถานทูตจากความจริงที่อยู่ในเอกสารที่ท่านยื่นขอวีซ่าเท่านั้นเช่นกันครับ และผมขอเตือนทุกท่านที่มีความมุ่งมั่นอย่างสูงที่จะมาเยือนประเทศอังกฤษนี้ให้ได้ว่าไม่มีผู้ใด หรือAgency ใดที่จะช่วยให้ท่านได้วีซ่าจากสถานทูตอังกฤษได้แน่นอน 100% ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวท่านเองและเอกสารทั้งหมดที่ Support ตัวท่าน รวมถึงวาสนาของท่านเท่านั้นครับ ที่ผมพูดว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของท่านด้วย เพราะมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วครับจากเพื่อนใกล้ตัวผมเอง ซึ่งที่บ้านของมันจัดว่ารวยทีเดียวครับ และเอกสารที่ยื่นขอวีซ่าทุกอย่างก็พร้อมแต่กลับถูกปฏิเสธวีซ่าอย่างหาคำตอบไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อผู้ใดว่าจะสามารถช่วยเหลือท่านได้นะครับ ไม่อย่างนั้นท่านจะเสียเงินเสียสตางค์โดยใช่เหตุเปล่าๆ

หลังจากที่ท่านได้วีซ่าผ่านเข้าประเทศอังกฤษแล้ว ต่อไปผมจะขอแนะนำวิธีการเผชิญชะตากรรมในประเทศอังกฤษให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีใครครับที่จะไม่มีปัญหากับการมาเยือนเมืองผู้ดีแห่งนี้ในครั้งแรก ปัญหาแรกที่ผมอยากจะพูดถึงและคิดว่าหลายๆท่านก็อยากจะรู้ก็คือปัญหาจากการหางานทำในเมืองผู้ดีแห่งนี้ อย่างที่ผมกล่าวไว้ในตอนต้นว่าทุกคนมาที่นี่ต่างมีความคาดหวังแตกต่างกัน บางคนมาเพื่อเรียน บางคนมาเพื่อทำงาน และบางคนมาเพื่อทั้งทำงานและก็เรียนไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะมาเพื่อสิ่งใดก็ตามต่างต้องมีชีวิตส่วนหนึ่งเพื่อการทำงานในประเทศนี้ครับ ไม่ว่าจะเป็นงาน Part time หรืองาน Full time ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะมีรายได้มาแบ่งเบาค่าใช่จ่ายในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองผู้ดีแห่งนี้ ซึ่งค่าครองชีพที่นี่ก็ถือว่าเกือบจะสูงที่สุดประเทศหนึ่งก็ว่าได้ ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนไทยที่มาเรียนที่นี่มักจะเลือกทำงานในร้านอาหารไทยเป็นลำดับแรกซึ่งร้านอาหารไทยก็มีอยู่อย่างจำกัดครับ นั่นหมายความว่าใช่ว่าทุกคนจะได้ทำงานในร้านอาหารไทย บางคนอาจไปทำงานตามร้านอาหาร Fast food ต่างๆ หรือตามร้านกาแฟก็ได้ครับ แต่ที่เหมือนกันก็คือทุกร้านล้วนแต่อยากได้คนที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษทั้งนั้น ผมจึงขอแนะนำให้ทุกท่านหาความรู้ด้านภาษาอังกฤษติดตัวไว้บ้างก่อนที่จะมาเยือนที่นี่ ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถหางานได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ก็ใช่ว่าคนที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษจะไม่มีโอกาสได้งานนะครับ งานในครัวร้านอาหารไทยก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก เอาเป็นว่าในตอนต่อไปผมจะมาเจาะลึกถึงวิธีการหางานทำ สถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านจะไปสมัครงาน รายได้ที่ท่านจะได้รับจากร้านอาหารไทย รวมไปถึงเรื่องราวการทำงานของคนไทยในอังกฤษให้ท่านได้รับรู้อย่างหมดเปลือกเลยครับ และหากน้อง ๆ หรือท่านใดมีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษก็ E-mail มาถามได้นะครับ ผมรับรองว่าจะตอบให้เร็วที่สุด

Teety

COMMENT FOR FLS

I went to an FLS summer program called Discover California. There were about 20 people in my group but there were other groups at the campus too (about 500 kids in all).

Everyone was from different parts of the world (Spain, China, Taiwan, Brazil, France, Venezuela, Columbia, Russia, Japan, Korea, Belgium, Turkey and Thailand). We studied at Citrus College which is located in Glendora, California. The campus is located in a nice and friendly area.

The FLS activity guides were really friendly and helpful. You could talk about anything to them and they’ll always listen. The English classes were kind of easy but the teacher was funny and he made class interesting. The activities that we did were ok. I got to go shopping at great malls and cool beaches.

But by going on a summer program like this, you get to make friends with people from all around the world and learn to speak better English since you get to speak them with native speakers. You’ll get a lot of experience and unforgettable memories too. All in all, i had a good time in America.

Natchan ^ _ ^